′หมอประเวศ′ ชี้ 6 ข้อ แนะไทยพ้นมิคสัญญี

กรณีเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศไทยในขณะนี้ ได้ปรากฏชื่อของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ผ่านสื่อต่างๆ ว่าจะเข้ามาเป็นคนกลางในการหาทางออกให้กับประเทศนั้น

มติ ชนได้ติดต่อสัมภาษณ์พิเศษ ในประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ศ.นพ.ประเวศ วะสี ได้เขียนจดหมายตอบด้วยลายมือความยาว 3 หน้ากระดาษ ส่งทางอีเมล์ถึงมติชนมีใจความดังนี้

กปปส.ไม่ได้ติดต่อมา และไม่มีนัดกัน อีกทั้งตามที่ฝ่ายต่างๆ พูดถึงชื่ออยู่บ้าง ขอความกรุณาที่จะไม่เข้าไปร่วมในกิจกรรมไม่ว่าฝ่ายใด เพราะชราภาพและล้าสมัยมากแล้ว เกรงจะไปเกะกะคนรุ่นใหม่ที่เขาจะคิดอะไรใหม่ๆ และรับผิดชอบประเทศกันต่อไป

อนึ่ง! ลูกสาวห้ามไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง ว่าพ่อแก่มากแล้ว ควรจะเกษียณอายุได้แล้ว แต่ถ้าถามความเห็นก็พอจะให้บ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อ เพราะอาจเชยและล้าสมัย เพราะความชราภาพ

 

และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไว้อย่างน่าสนใจ 6 ข้อดังนี้



1.ฝ่ายต่างๆ ควรมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงว่าที่เป็นอย่างไร ก็มีเหตุปัจจัยให้เป็นอย่างนั้น จะไม่เป็นไปตามความอยากของเรา ถ้าเราอยากให้เป็นอย่างนั้น ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้ แล้วมันไม่เป็นไปตามความอยากของเรา เราก็จะมีอารมณ์ผิดหวัง โกรธ เกลียด เครียด แค้นใจ

2.อันที่จริง ความจริงที่กำลังเกิดขึ้น แสดงว่าสังคมไทยก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว คือ ทุกฝ่ายใช้สันติวิธี ไม่ว่าจะเป็นผู้ประท้วง รัฐบาล ตำรวจ มวลชนคนเสื้อแดง กองทัพ ถ้าเป็นสมัยก่อน เช่น 6 ต.ค. หรือแม้ต่อๆ มาก็มีความรุนแรงมีคนตาย คราวนี้ถึงแม้มีผู้พยายามจะจุดชนวนความรุนแรงที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ความรุนแรงก็ไม่ลุกลาม เพราะทุกฝ่ายมีความระงับยับยั้ง เนื่องจากได้เรียนรู้แล้วว่าความรุนแรงเป็นโทษ นี่เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญของสังคมไทย แม้ยังไม่มีทางออก แต่ถ้ารักษาสันติวิธีไว้ได้ ในที่สุดจะเกิดทางออกขึ้นเอง

3.การที่ ไม่มีทางออกอย่างง่ายๆ เร็วๆ ที่จริงก็มีข้อดี เพราะทำให้ฝ่ายต่างๆ อย่างหลากหลายพยายามช่วยกันขบคิดหาทางออก เดิมการเมืองเป็นเรื่องของคนส่วนน้อย แต่วิกฤตสุดสุด คราวนี้ปริ่มๆ จะเกิดมิคสัญญีกลียุค ทำให้สังคมไทยตื่นตัวเข้ามาขบคิดกันอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์ คนโบราณจึงว่า "วิกฤตเป็นโอกาส" ในแง่นี้จึงไม่ควรไปเสียใจว่ามันวิกฤต เพราะมันเปิดโอกาสให้สังคมไทยปรับตัวครั้งใหญ่ เราติดขัดมานานแล้ว เพราะเราปรับตัวครั้งใหญ่ไม่ได้ คราวนี้จึงเป็นโอกาส

4.ตามปกติ ประเทศต่างๆ จะปรับตัวครั้งใหญ่ได้ต่อเมื่อเกิดสงครามกลางเมืองฆ่ากันตายยกใหญ่ หรือแพ้สงคราม เช่น เยอรมนี และญี่ปุ่น ประเทศไทยโชคดีที่ไม่ต้องถึงขั้นนั้น เพียงแต่มาจ่อๆ อยู่ที่ประตูของมิคสัญญีกลียุค แต่เราผ่านจุดอันตรายสุดสุดนี้มาแล้ว เพราะคนไทยยั้งคิด ขณะนี้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ต้องเปลี่ยนประเทศไทย หรือ "ปฏิรูปประเทศไทย" แม้วิธีการยังเห็นไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไร

5.ในสภาพที่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายประท้วงไม่มีใครแพ้ใครชนะกันอย่างเด็ดขาดนี้ เป็น "ภาวะใหม่" ของประเทศไทย ที่มีลักษณะเฉพาะ ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน ที่เป็นน้ำใจหรือตลกสนุกระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจก็มี ซึ่งฝรั่งจะไม่เข้าใจ ในการค้ำยันกันอยู่เช่นนี้ สิ่งที่หนีไม่พ้นคือ แต่ละฝ่ายจะต้องพยายามทำอะไรดีๆ เพื่อ "เอาชนะใจประชาชน" แบบที่ท่านอาจารย์พุทธทาสเรียกว่า "รบกันพลาง แลกธรรมกันพลาง" การที่แต่ละฝ่ายต้องพยายามทำอะไรดีๆ เพื่อเอาชนะใจประชาชน ผลดีก็จะเกิดขึ้นกับประเทศเพิ่มขึ้นเป็นลำดับๆ ไป เป็นการปฏิรูปไปในตัว

6.เพื่อน คนไทยจึงไม่ควรทุกข์ใจจนเกินไป มองให้เห็นความจริง ไม่ว่าในที่สุดจะออกมาอย่างไร ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เราผ่านจุดวิกฤตสุดสุดมาแล้ว ขอจงมีความเมตตากรุณาต่อกัน รวมตัว "ร่วมคิดร่วมทำ" ในทุกพื้นที่ ในทุกองค์กร และในทุกเรื่อง ให้เป็น "พลังพลเมือง" ที่เข้มแข็ง พลังพลเมืองที่เข้มแข็งเต็มประเทศอันเป็นพลังอำนาจทางสังคม และพลังอำนาจทางปัญญา จะทำให้เกิดความถูกต้องในบ้านเมือง

ในที่สุดประเทศไทยจะหลุดจากสภาวะวิกฤตไปสู่ความเป็น "สังคมศานติสุข" ได้

และนั่นคือ ทรรศนะจาก นพ.ประเวศ วะสี

 

Views: 804

Comment by Surin yingneuk on December 18, 2013 at 8:13pm

'หมอ ประเวศ' แนะปฏิรูปประเทศไทย 8 เรื่อง คือ ระบบการปกครอง ระบบการเมืองและระบบราชการ การขจัดคอร์รัปชั่น การจัดสรรทรัพยากรให้เป็นธรรม ระบบความยุติธรรม ระบบเศรษฐกิจ ระบบปัญญาของชาติ และปฏิรูปสังคม สร้างพลังพลเมือง ชี้ไทยติดอยู่ในโครงสร้างอำนาจไม่เป็นธรรมมาช้านาน พร้อมยกหมอดูทายปี 2560 ประเทศไทยจะสงบสุข

คมชัดลึก---18.47น.(18/12/56) 'หมอประเวศ'ยกหมอดู!เสริมแนะปฏิรูป8เรื่อง

'หมอประเวศ' แนะปฏิรูปประเทศไทย 8 เรื่อง ชี้ไทยติดอยู่ในโครงสร้างอำนาจไม่เป็นธรรมมาช้านาน พร้อมยกหมอดูทายปี 2560 ประเทศไทยจะสงบสุข

18ธ.ค.2556 ศ.นพ.ประเวศ วะสี พลเมืองอาวุโสได้เขียนบทความเรื่อง "ปฏิรูปประเทศไทย 8 เรื่อง" โดยเป็นข้อเสนอในการปฏิรูปและการสร้างพลังพลเมืองที่เข้มแข็งควบคู่กันโดยมีเนื้อหาดังนี้ ขณะนี้มีความตื่นตัวเรื่องปฏิรูปประเทศไทยกันอยู่ทั่วไป คงจะมองการปฏิรูปด้วยทัศนะต่างๆกัน ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน สำหรับผมเอง การปฏิรูปประเทศไทยเป็นเนื้อหาของการเปลี่ยนแปลงประเทศไม่ใช่การต่อสู้เพื่อให้ได้อำนาจทางการเมืองเพราะอำนาจที่ปราศจากเนื้อหาก็ยังไม่สามารถสร้างศานติสุขได้ ดังที่เรามีการต่อสู้ทางการเมืองกันตลอดมาตั้งแต่ 2475 และมีรัฐธรรมนูญถึง 18 ฉบับแล้ว หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์ที่พลังประชาชนโค่นมาร์กอสลงได้และยกคอราซอนอาคีโน ขึ้นเป็นประธานาธิบดี และอาคีโนก็เป็นคนดีแต่ก็แก้ปัญหาพื้นฐานของฟิลิปปินส์คือความยากจนและความอยุติธรรมในสังคมไม่ได้

หรือในแอฟริกาใต้ที่ผ่านการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ภายใต้การนำของเนลสันแมนเดลา สามารถปลดแอกจากคนขาวที่เข้ามาปกครองอย่างกดขี่ได้ ซึ่งก็สำคัญมาก ขณะนี้ก็ยังเผชิญปัญหาความยากจน ปัญหาสังคม โรคเอดส์ ความรุนแรง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเขมรแดงที่ฆ่ากันตายเป็นล้านคน เดี๋ยวนี้ก็ยังแก้ปัญหาพื้นฐานคือความยากจนและความอยุติธรรมในสังคมไม่ได้ หรือแม้ประเทศที่มีประชาธิปไตยที่มีวุฒิภาวะแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา และอังกฤษก็กลับเกิดความเหลื่อมล้ำอย่างสุดๆและว่าต้องการการปฏิรูปก็ยังไม่รู้จะปฏิรูปอย่างไร เพราะประชาธิปไตยก็มาจนสุดซอยแล้ว

ฉะนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล คนไทยควรร่วมกันขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทยที่เป็นเนื้อหาของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอันจะนำไปสู่ศานติสุขได้อย่างแท้จริง

ประเทศไทยติดอยู่ในโครงสร้างอำนาจที่ไม่เป็นธรรมมาช้านาน การปฏิรูปจึงควรปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ การปฏิรูปเป็นเรื่องยากต้องอาศัยพลังพลเมืองที่เข้มแข็ง การปฏิรูปและการสร้างพลังพลเมืองที่เข้มแข็งจึงต้องควบคู่กันไป ข้างล่างนี้เป็นข้อเสนอการปฏิรูป 8 เรื่องแต่ขอให้ถือว่าเป็นการเสนอให้คิดเท่านั้น อย่ายึดถือตายตัว แต่ละกลุ่มแต่ละเครือข่ายสามารถคิดอย่างหลากหลายตามที่กลุ่มคิดว่ามีความสำคัญ ในที่สุดเมื่อสังเคราะห์จากความหลากหลายแล้วน่าจะดีกว่าที่ผมนำเสนอ

เรื่องที่ควรปฏิรูป 8 เรื่องนั้นคือ

1.ปฏิรูประบบการปกครอง

ถือเป็นสำคัญที่สุด เพราะระบบการปกครองโดยรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลางมากเกินและนานเกิน เป็นต้นตอของปัญหาเกือบทุกชนิดในประเทศไทย ทั้งปัญหาความขัดแย้งความรุนแรงทุจริตคอร์รัปชั่นรัฐล้มเหลว การเมืองรุนแรงและไม่มีคุณภาพ ตลอดจนทำให้ทำรัฐประหารได้ง่ายจึงจำเป็นต้องปฏิรูประบบการปกครอง โดยคืนอำนาจให้ประชาชนปกครองตนเอง ในรูปของชุมชนจัดการตนเอง ท้องถิ่นจัดการตนเอง จังหวัดจัดการตนเอง ที่ประชาชนในจังหวัดต่างๆกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้การรวมตัวร่วมคิดร่วมทำจัดการตนเองทั้ง 3 ระดับ จะทำให้เกิดพลังพลเมืองขึ้นทั้งประเทศเป็นพลังสมานฉันท์ที่ก้าวข้ามสีเสื้อต่างๆ ที่พัฒนาสมรรถนะในการจัดการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ และจัดการพัฒนานโยบายประเทศจะเข้มแข็งขึ้นจากฐานราก เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ภาครัฐควรปรับตัวจากการทำเอง ไปสนับสนุนการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นและจังหวัด มีกฎหมายเป็นร้อยฉบับที่ดึงอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง จำเป็นต้องปลดล็อคกฎหมายเหล่านี้ให้

ชุมชนท้องถิ่นสามารถจัดการตนเองได้อย่างแท้จริง รวมทั้งปฏิรูปงบประมาณเพื่อสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น มหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ ภาคการสื่อสาร ควรสนับสนุนการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น ถ้าได้ทำตามนี้บ้านเมืองจะสงบเย็นไปเป็นอันมาก และทำให้ประชาธิปไตยมีคุณภา

2.ปฏิรูประบบการเมืองและระบบราชการ

ระบบรัฐไทยอันประกอบด้วยระบบการเมืองและระบบราชการมีปัญหามาก และถ่วงความเจริญของประเทศเพราะเป็นระบบอำนาจที่มีสติปัญญาน้อย แต่มีความฉ้อฉลคอร์รัปชั่นมาก มีการทุ่มเทขนาดใหญ่เข้ามาใช้ทางการเมือง ทำให้เงินมีอำนาจมาก ความถูกต้องเป็นธรรมน้อยลง และการมีระบบการเมืองครอบงำระบบราชการหมดทั้งเนื้อทั้งตัว ทำให้เกิดการเล่นพรรคเล่นพวก และความเสื่อมทรามในระบบราชการ ไม่เป็นหลักของประเทศได้ และยิ่งทำให้คอร์รัปชั่นระบาดและรุนแรงมากขึ้น

จึงควรมีการปฏิรูปการเมือง ลดอำนาจเงิน โครงสร้างพรรคควรเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่นายทุนเป็นเจ้าของพรรค พรรคต้องเป็นสถาบันที่มีความรู้ ความดี ให้การศึกษาประชาชน สามารถคัดคนดีมีความสามารถเข้าไปทำหน้าที่มีความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ การแบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านอย่างตายตัวเป็นของล้าสมัย บุคคลควรสมัครรับเลือกตั้งได้โดยไม่จำกัดพรรค ส.ส.ควรมีอิสระที่จะใช้วิจารณญานของตัวเอง เรื่องที่สำคัญของประเทศ ส.ส. ไม่ว่าพรรคใดควรต้องร่วมคิดร่วมทำได้ เป็นต้น

ควรจัดความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับระบบราชการใหม่

การเมืองทำแต่นโยบาย ห้ามไปล้วงลูกระบบราชการ ระบบราชการควรเป็นอิสระ มีศักดิ์ศรี มีความรู้ มีสมรรถนะ สามารถสนองนโยบายของการเมืองและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นได้ การไม่ให้ฝ่ายการเมืองมีอำนาจครอบงำระบบราชการโดยเบ็ดเสร็จจะช่วยลดคอร์รัปชั่นลงไปได้เกือบหมด ถ้าระบบราชการเป็นหลักของบ้านเมืองได้ แม้ฝ่ายการเมืองจะยังด้อยความรู้ไปบ้าง บ้านเมืองก็ยังไม่เป็นไร

ความสัมพันธ์ใหม่จะทำให้ทั้ง 3 ส่วนมีสัมพันธภาพเชิงสร้างสรรค์

3.ปฏิรูปการขจัดคอร์รัปชั่น

คอร์รัปชั่นที่มากมายมหาศาลบ่อนทำลายเศรษฐกิจ สังคม ชื่อเสียงของประเทศ รวมทั้งบ่อนทำลายรัฐบาลด้วยขณะนี้สังคมไทยมีอารมณ์ร่วมในการต่อต้านคอร์รัปชั่นมาก ควรใช้เป็นเรื่องที่จะสร้างพลังพลเมืองและประเด็นนำเข้าไปสู่การทำความเข้าใจโครงสร้างอำนาจที่ไม่ถูกต้อง

ความริเริ่มของภาคธุรกิจในการก่อตั้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นที่มีคุณประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นประธานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ควรมีเครือข่ายคนไทยต่อต้านคอร์รัปชั่น อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ที่ประกอบด้วยเครือข่ายภาคธุรกิจ มหาวิทยาลัย นิสิต นักศึกษา สื่อมวลชน คนรุ่นใหม่ เครือข่ายสาธารณสุข ฯลฯ

องค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นได้วางยุทธศาสตร์ต่อต้านคอร์รัปชั่นไว้ว่าควรจะต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งถ้าได้ทำตามนั้นจะมีพลังมาก แต่ก็อาจช่วยกันเพิ่มเติมเสริมแต่งได้อีก

ข้อสำคัญ คือ ใช้เรื่องนี้ซึ่งจับอารมณ์ของสังคมได้ง่าย เป็นการสร้างพลังพลเมืองให้เข้มแข็ง พลังพลเมืองที่เข้มแข็งมีประโยชน์ต่อเรื่องอื่น ๆ อีกต่อไป

4.ปฏิรูปการจัดสรรทรัพยากรให้เป็นธรรม

คนเราที่เกิดมาทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิต การมีชีวิตต้องอาศัยธรรมชาติแวดล้อม เช่น มีอากาศหายใจ ในครั้งโบราณคนทุกคนมีสิทธิในที่ดิน แหล่งน้ำ ป่าไม้ เพื่อยังชีวิต ต่อมารัฐได้ยึดเอาทรัพยากรเหล่านี้ไปเป็นของรัฐและสุดแต่รัฐจะจัดใครใช้ไม่ให้ใครใช้ ปรากฏว่ารัฐไม่สามารถจัดเการการใช้ทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน การขาดความเป็นธรรมเรื่องการจัดสรรทรัพยากรเป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นต้องมีการปฏิรูป ประเทศไทยมีที่ดินมากพอที่จะจัดสรรให้ทุกครอบครัวมีที่ดิน 2-3 ไร่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีโครงการ 1 ไร่ 1 แสนบาท ที่ดิน 1 ไร่ ก็สามารถทำได้พอกินทั้งครอบครัว การจัดสรรที่ทำกินจะทำให้หายจนอย่างถาวรทั้งประเทศ ต่างจากโครงการประชานิยมที่แก้จนไม่ได้จริง การมีที่ดินทำให้สามารถมีสระน้ำประจำครอบครัว ซึ่งทั้งประเทศจะเก็บน้ำได้มหาศาล ป้องกันน้ำท่วม ไม่ต้องไปสร้างเขื่อนให้เสียเงินและทะเลาะกัน นอกจากนั้นสระน้ำประจำครอบครัวยังไว้ใช้เลี้ยงปลา ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ ความเป็นป่าจะกลับคืนมา การจัดสรรที่ดินจะทำให้ธรรมชาติคืนสู่สมดุล ป้องกันน้ำท่วมและความแห้งแล้ง เมื่อชาวบ้านมีความมั่นคงเรื่องที่อยู่อาศัยและอาหาร ก็จะไปเชื่อมโยงเกื้อกูลเศรษฐกิจมหภาค

คำว่า ทรัพยากร มีความหมายกว้าง ยังหมายถึงเรื่องภาษี ค่าภาคหลวงและอื่น ๆ การปฏิรูปการจัดสรรทรัพยากรให้เป็นธรรม จึงเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งของการปฏิรูปประเทศไทย

5.การปฏิรูประบบความยุติธรร

ความยุติธรรมเป็นธรรมให้สังคมอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก ในระบบความยุติธรรมของรัฐ ซึ่งประกอบด้วย ตำรวจจับ อัยการส่งฟ้องศาลตัดสิน คนจนไม่มีทางเข้าถึงความยุติธรรม มีกรณีชาวไร่ชาวนาถูกฟ้องดำเนินคดีและถูกจำคุกก็มีด้วยข้อหาบุกรุกที่ดินของตัวเอง การไม่ได้รับความยุติธรรมสะสมความแค้นไว้ในสังคม อัยการก็ดี ตำรวจก็ดี ถูกครอบงำด้วยอำนาจทางกา รเมืองได้ง่าย บางครั้งก็มีปรากฏการณ์เหมือนรัฐตำรวจ ถ้าอำนาจทางการเมืองเข้ามาครอบงำระบบความยุติธรรม ความยุติธรรมก็จะบิดเบือนไป เพิ่มความขัดแย้งและความรุนแรงให้สังคม ควรมีการปฏิรูประบบความยุติธรรม ซึ่งรวมถึงระบบอัยการและระบบตำรวจด้วย

6.ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ

ระบบเศรษฐกิจโลกมีปัญหาก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน สภาวะโลกร้อนหายนะภัยเพิ่มขึ้นๆ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมแบบสุดๆ กำลังก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงที่ทางการเมืองก็แก้ไขไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะการคิดแบบแยกส่วนและทำแบบแยกส่วน อะไรที่แยกส่วนจะนำไปสู่วิกฤตเสมอ จึงควรปฏิรูประบบเศรษฐกิจให้เป็นเศรษฐกิจแบบบูรณาการ ที่เชื่อมโยงอยู่กับการพัฒนาสังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ การศึกษา และประชาธิปไตย รูปธรรมคือ เชื่อมโยงเศรษฐกิจชุมชนกับเศรษฐกิจมหภาคให้เชื่อมโยงอย่างเกื้อกูลกัน

7.ปฏิรูประบบปัญญาของชาติ (การศึกษา-การวิจัย-การสื่อสาร)

ประเทศไทยอ่อนแอทางปัญญา เพราะอยู่ในภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์และมีภัยพิบัติทางธรรมชาติน้อย จึงขาดความกระตือรือร้นและการตื่นตัวในการเรียนรู้ ถ้าเทียบกับคนจีนหรือญี่ปุ่น ประกอบกับเป็นสังคมอำนาจที่ชอบใช้อำนาจมากกว่าความรู้ และนำระบบราชการเข้ามาใช้กับระบบการศึกษา ซึ่งไม่ไปด้วยกัน เพราะการศึกษาเป็นเรื่องของความงอกงาม แต่ระบบราชการเป็นระบบการควบคุม

ความอ่อนแอทางปัญญากำลังมีผลกะทบต่อทุกเรื่อง จึงควรมีการปฏิรูประบบปัญญาของชาติ ทั้งเรื่องการเรียนรู้-การวิจัย-การสื่อสาร โดยการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ ทำไม่ได้โดยผ่านระบบราชการตามปกติ

8.ปฏิรูปสังคม สร้างพลังพลเมือง

สังคมไทยมีโครงสร้างแนวดิ่ง (Vertical Society) มาแต่โบราณ คือ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอำนาจข้างบนกับผู้ไม่มีอำนาจข้างล่าง สังคมทางดิ่งจะมีพลังทางสังคมหรือพลังพลเมืองน้อย และมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนฉ้อฉลต่าง ๆ ทำให้เศรษฐกิจไม่ดี การเมืองไม่ดี และศีลธรรมไม่ดี และจะไม่มีวันดีตราบใดที่พลังพลเมืองยังอ่อนแออยู่ ไม่ว่าจะเขียนกฏกติกาหรือพร่ำสอนเท่าใด ๆ ดังที่เรามีรัฐธรรมนูญ ๑๘ ฉบับ และพระก็สอนศีลธรรมทุกวัน ศีลธรรมก็ไม่เกิด

พลังทางสังคมเป็นเครื่องหยุดยั้งความไม่ดี

เช่น ถ้าชาวบ้านทั้งหมู่บ้านรวมตัวกันก็หยุดยั้งโจรปล้นควายได้ ชาวบ้านที่สิเการวมตัวจึงแก้ปัญหาเรือประมงขนาดใหญ่เข้ามาใช้อวนลากอวนรุนชิดชายฝั่ง ผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่ามีเงินมีปืนมีอิทธิพลเหนือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ แต่เมื่อขึ้นไปที่ดอยสามหมื่นเจอชาวบ้านรวมตัวกันอยู่ 1,000 คน ก็ไม่สามารถทำชั่วได้

มหาตมะคานธีสู้กับพลังติดอาวุธของจักรภพอังกฤษด้วยพลังทางสังคมที่ใช้สันติวิธี มาร์ตินลูเธอร์คิง ต่อสู้กับการเหยียดผิวด้วยพลังทางสังคมด้วยสันติวิธี เนลสันแมนเดลาต่อสู้กับพลังอำนาจของคนขาวที่กดขี่แอฟริกาใต้ได้ด้วยพลังทางสังคมด้วยสันติวิธีหรือ ตัวอย่างเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลและรัฐสภามีอำนาจมหาศาลต้องยอมถอยเพราะพลังทางสังคมของผู้ประท้วงด้วยสันติวิธี ที่ประเทศอิตาลีภาคเหนือเศรษฐกิจดี การเมืองดี และศีลธรรมดี แต่ภาคใต้ตรงข้าม ทั้งนี้เพราะภาคเหนืองสังคมเข้มแข็ง ภาคใต้เป็นสังคมแนวดิ่ง สังคมอ่อนแอ

สังคมเข้มแข็งเป็นปัจจัยชี้ขาดอนาคตของประเทศ

จึงควรปฏิรูปสังคมจากสังคมแนวดิ่งให้เป็นสังคมแนวราบ ผู้คนมีความเสมอภาค รวมตัวร่วมคิดร่วมทำในทุกพื้นที่ ในทุกองค์กร และในทุกเรื่อง

โดยที่พลังพลเมืองเป็นหัวใจของการปฏิรูปทุกเรื่อง ตั้งแต่ 1-7 จึงวางไว้ที่ตรงกลาง ทุกจังหวัดควรมีการรวมตัวประชุมเรื่องการปฏิรูปประเทศไทย กำหนดเรื่องที่ควรปฏิรูปและการเคลื่อนไหวผลักดันการปฏิรูป และเชื่อมโยงกันทั้งประเทศ เป็นพลังพลเมืองปฏิรูปประเทศไทย โดยดึงทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกัน

ประเด็นที่จะปฏิรูปล้วนเป็นเรื่องยาก ใช่ว่าเรียกร้องแล้วผู้ถูกเรียกร้องจะทำได้ แต่ต้องมี กระบวนการร่วมกันวิเคราะห์สังเคราะห์นโยบายให้ถึงขั้นปฏิบัติได้ ดังที่กระบวนการสมัชชาสุขภาพและกระบวนการสมัชชาปฏิรูปได้ฝึกให้ทุกภาคส่วนมาร่วมกันทำนโยบาย ควรศึกษากระบวนการพัฒนานโยบายจากสมัชชาสุขภาพและสมัชชาปฏิรูป จะเห็นว่าเป็นกระบวนการที่ผนึก พลัง 5 ประการ หรือ เบญจพละ เข้ามาด้วยกันคือ (1) พลังทางสังคม (2) พลังทางปัญญา (3) พลังทางการจัดการ (4) พลังของความถูกต้อง (5) พลังแห่งสันติวิธี ในเรื่องยากๆ พลังอย่างใดอย่างหนึ่งไม่พอ แต่เมื่อพลังทั้ง 5 เข้ามาผนวกกัน ก็มากพอที่จะขยับเขยื้อนเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทยได้

ถ้าทุกภาคส่วน เรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ ปฏิรูปประเทศไทย จะเกิดสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง คือ ความเชื่อถือไว้วางใจกัน (Trust) อันยังให้เกิดความสุขและความสำเร็จ คนไทยจะเกิดคุณภาพใหม่ มีสมรรถนะในการจัดการพัฒนาอย่างบูรณาการและจัดการพัฒนานโยบาย สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจในสังคม ขจัดความยากจนและความอยุติธรรม สร้างประเทศไทยที่น่าอยู่ที่สุด

หมอดูว่าปี 2560 ประเทศไทยจะสงบสุข

ผมก็เห็นตรงกัน ถ้าเราร่วมกันปฏิรูปประเทศไทยตั้งแต่บัดนี้

Comment

You need to be a member of เครือข่ายครูไทย เชิงประจักษ์ ว.13 kruthai40 to add comments!

Join เครือข่ายครูไทย เชิงประจักษ์ ว.13 kruthai40

   9/12/2012
Flag Counter

Latest Activity

Surin yingneuk posted a note

การฟ้องศาลปกครอง

ผู้ฟ้องคดีต้องเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดี               ผู้ฟ้องคดีต้องเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 223 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542               กล่าวคือ…
Sep 8, 2022
Surin yingneuk liked Surin yingneuk's video
Aug 26, 2022
Surin yingneuk commented on Surin yingneuk's status
" เวลาของชีวิต ๖ ปี ๓ เดือน ..... วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ ส่ง คำขอ...ผ่าน โรงเรียน เข้า เขตพื้นที่การศึกษา สพม.๓"
Jul 24, 2022
Surin yingneuk commented on Surin yingneuk's status
"ระหว่างรอคอย....กระบวนการเยียวยา และแจ้งผล จาก ก.ค.ศ. ๙๐ วัน นับจากวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๕"
Jul 24, 2022
Surin yingneuk posted a status
"มุ่งสู่เป้าหมาย....ภายใน ๑ เดือน..."
Jul 24, 2022
Surin yingneuk replied to Surin yingneuk's discussion การเสนอขอทบทวนการมีคุณสมบัติเพื่อการพิจารณา "ครูเชี่ยวชาญ"
"สรุปผลการพิจารณาคำขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน หลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว13/2556"
May 20, 2022
Surin yingneuk posted a discussion

แจงเหตุครูตู่รับรองหลักสูตรใหม่ช้า สพฐ.ชี้Active Learningเรียนเป็นสุข วันอังคาร ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 15.43 น.

17 พ.ค.2565 ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ในฐานะกำกับดูแลสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)เปิดเผยว่า หลักสูตรการศึกษาของชาติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีเพียงหลักสูตรเดียว คือ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ส่วนกระแสข่าวที่ว่าจะนำหลักสูตรใหม่ หรือ หลักสูตรฐานสมรรถนะมาใช้ ตนก็ยังไม่เข้าใจ เพราะตอนนี้เราก็จัดการเรียนการสอนเพื่อมุ่งสู่สมรรถนะอยู่แล้ว…See More
May 18, 2022
Surin yingneuk posted videos
May 18, 2022
Surin yingneuk replied to Surin yingneuk's discussion การเสนอขอทบทวนการมีคุณสมบัติเพื่อการพิจารณา "ครูเชี่ยวชาญ"
"https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3256927 เครือข่าย ผู้ที่ได้รับผลกระทบตาม ว 13 บุก ศธ.ขอความเป็นธรรม รับรองคุณสมบัติผู้รับการประเมิน วันที่ 28 มีนาคม 2565 - 13:30 น. Facebook Twitter LINE Copy Link ประกันอุบัติเหตุ…"
May 16, 2022
Surin yingneuk replied to Surin yingneuk's discussion การเสนอขอทบทวนการมีคุณสมบัติเพื่อการพิจารณา "ครูเชี่ยวชาญ"
"https://siamrath.co.th/n/335066 เครือข่ายพัฒนาคุณภาพยื่นหนังสื่อร้องขอความเป็นธรรมกับ"เสมา1"      สยามรัฐออนไลน์  28 มีนาคม 2565 13:43 น.  ประชาสัมพันธ์ ADVERTISEMENT วันที่…"
May 16, 2022
Profile Iconthitipn gd and Viewfruit Global joined เครือข่ายครูไทย เชิงประจักษ์ ว.13 kruthai40
Jan 18, 2022
Surin yingneuk posted a status
"(จำนวน 111 ราย) https://www.kroobannok.com/89318"
Sep 20, 2021
Surin yingneuk commented on Surin yingneuk's blog post ครูต้นแบบ ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ ครูเกียรติยศ(Teacher Award)
"ประกาศสำนักงาน ก.ค.ศ. เรื่อง ผลการพิจารณาคุณสมบัติของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ…"
Sep 3, 2021
Surin yingneuk commented on Surin yingneuk's blog post ครูต้นแบบ ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ ครูเกียรติยศ(Teacher Award)
Sep 3, 2021
Maris A updated their profile
Apr 26, 2021
Surin yingneuk posted a discussion

ชำแหละ ร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.... ฉบับ กฤษฎีกา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564

ประธานสภาคณบดีครุฯ ชี้..เป็นการทุจริตเชิงกฎหมาย จากการชำแหละ ร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.... ฉบับ กฤษฎีกา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 เฟซบุ๊คไลฟ์ รายการ “ทุกปัญหาการศึกษาไทย” ได้มีการพูดคุยประเด็นร้อน เรื่อง ชำแหละ ร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.... ฉบับมีชัย ฤชุพันธ์ และฉบับ กมธ. ปรับปรุงและเสนอโดย สุรวาท ทองบุ และ สส.พรรคก้าวไกล โดยมีแขกรับเชิญและผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ - รศ.ดร.สมบัติ นพรัก ประธานสภาคณบดีครุศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย - ผอ.ธนชน มุทาพร ชมรม ผอ.สพท. - ดร.รุ่งโรจน์ ตรงสกุล อนุ กมธ. -…See More
Apr 26, 2021

Events

Photos

  • Add Photos
  • View All

© 2023   Created by Surin yingneuk.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service