พัฒนาคุณภาพการศึกษาออนไลน์ BANGSAIY PLF-MODEL(R&D)
นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การจะหวังให้การเมืองไทยพัฒนาขึ้นนั้น คงต้องไปหวังกับเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของประเทศ สร้างคนไทยพันธ์ใหม่ที่มีจิตสำนึกประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เข้าใจวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในการพัฒนาการสอนเรื่องประชาธิปไตยในโรงเรียน โดย ศธ. ควรสรุปเหตุการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันซึ่งมีประชาชนออกมาชุมนุมเป็นล้านคน ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของการเมืองไทย จัดทำเป็นบทเรียน นำไปสอนนักเรียนในชั้นเรียน เพื่อให้เด็กๆ ได้เข้าใจถึงหลักการประขาธิปไตยที่แท้จริงว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การหย่อนบัตรใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง แต่ยังมีบทบาทในการตรวจสอบด้วย ถ้า ส.ส., ส.ว.ทำผิดหลักการ ทุจริตคอรัปชั่น ผิดจริยธรรมคุณธรรม ประชาชนก็มีสิทธิแสดงความคิดเห็นและทวงคืนอำนาจที่ให้ไปได้
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นนวัตกรรมอีกขั้นหนึ่งของการสังคมไทย เป็นประชาธิปไตยแบบ Informal ซึ่งเป็นการเรียนรู้ประชาธิปไตยครั้งใหญ่ของคนในประเทศ เพราะฉะนั้น ศธ.ควรสรุปเหตุการณ์ครั้งนี้ ไปเป็นบทเรียน ซึ่งที่ผ่านมาการปลูกฝังเรื่องประชาธิปไตยในโรงเรียนไม่ประสบความสำเร็จ เพราะระบบการเรียนไม่ได้สอนให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์ หรือคิดนอกกรอบ คนไทยที่กล้าคิดนอกกรอบมีแค่ 12% เท่านั้น ที่เหลืออีกกว่า 80% ไม่กล้าคิดนอกกรอบ บางส่วนก็คิดไม่เป็น เป็นได้แค่ผู้ตาม ทั้งหมดนี้เป็นผลิตผลของระบบการศึกษาไทย ที่ทำให้คนไทยคิดนอกกรอบไม่เป็น เชื่อผู้นำ และชักจูงได้ง่าย ไม่ตอบโจทย์ในการพัฒนาประชาธิปไตย"
นายสมพงษ์ กล่าวและว่า ยอมรับว่าสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบต่องานด้านการศึกษา แม้จะสามารถคิดนโยบายที่สามารถตอบโจย์การศึกษาไทยได้ เช่น การปฏิรูปการเรียนรู้ แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีการลงมือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ เพราะการเมืองไม่นิ่ง การขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ หยุดชะงัก เกิดภาวะติดหล่ม ข้าราชการก็อยู่ในสถานะประคองตัว แต่ที่จริงแล้ว ข้าราชการประจำสามารถเดินหน้าเรื่องต่างๆ ได้โดยไม่ต้องยึดติดกับนโยบายฝ่ายการเมือง เพราะเรื่องที่ต้องดำเนินการหลายเรื่องเป็นประเด็นสาธารณะที่ต้องดำเนินการ อยู่แล้วไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล อย่างเช่นเรื่องของการเพิ่มจำนวนผู้เรียนสายอาชีวศึกษา การพัฒนาครูสายอาชีวศึกษา การแก้ปัญหาเด็กไทยอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ฉะนั้นข้าราชการประจำ ควรสำรวจว่าประเด็นสาธารณะที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการมีอะไรบ้าง และเดินหน้าทำงานต่อโดยไม่ยึดติดกับการเมือง
"จริง อยู่ว่านโยบายจาก ฝ่ายการเมืองก็สำคัญ แต่ต้องปรับนโยบายให้เข้ากับงานที่ ศธ.ต้องดำเนินการ ไม่ใช่เอาระบบทั้งหมดมาตอบโจทย์ฝ่ายการเมืองจนสูญเสียอัตลักษณ์ของตัวเอง"นายสมพงศ์ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ วันที่ 16 ธันวาคม 2556
© 2023 Created by Surin yingneuk.
Powered by
You need to be a member of เครือข่ายครูไทย เชิงประจักษ์ ว.13 kruthai40 to add comments!
Join เครือข่ายครูไทย เชิงประจักษ์ ว.13 kruthai40